ผ่าตัดยกกระชับหน้าท้อง
ผู้ที่เหมาะสมในการทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าท้อง

การปรึกษาก่อนผ่าตัด
1. ปริมาณไขมันที่ต้องการตัด
2. ต้องการดูดไขมันด้วยหรือไม่
3. เลือกวิธีที่จะใช้ในการผ่าตัด ความเหมาะสม
4. ลักษณะของสะดือที่ต้องการ
5. ปรึกษาแพทย์ถึงขนาดและความยาวของแผลเป็น
วิธีการมีกี่แบบ?

แบบที่ 1: การแก้ไขหน้าท้องหย่อนส่วนล่าง (Mini Tummy Tuck) เป็นการผ่าตัดเน้นกระชับเฉพาะส่วนล่างต่ำกว่าสะดือ ใช้ได้ดีในผู้ที่ไม่เคยตั้งครรภ์มาก่อน หรือหย่อนเนื่องจากการลดความอ้วน มีเฉพาะผิวหนังและไขมันที่ต้องตัดออก รอยแผลผ่าตัดไม่ต้องตกแต่งสะดือให้ใหม่
การนัดตรวจก่อนการผ่าตัด มักต้องดูรายละเอียดดังนี้
1. การหย่อนยานของผนังหน้าท้องส่วนล่าง ถ้ามีผิวหนังมากและมีการหย่อนยานมาก การผ่าตัดจะช่วยให้ตึงได้โดยการลองดึงผิวหนังเข้าหากันในท่างอตัว ถ้าไม่สามารถดึงได้ถึงกันอาจต้องระมัดระวังไม่ตัดมากเกินไป การลองดึงผิวหนังแบบนี้จะสามารถกำหนดความตึงได้ เฉพาะคนไข้ปกติ แต่ในรายที่ มีไขมันหนามาก เป็นเบาหวาน สูบบุหรี่ คงต้องระมัดระวังไม่ควรดึงผิวหนังให้ตึงเกินไป เพราะในกลุ่มนี้ มีความเสี่ยงของการหายของแผล หรือแผลแยกหรือติดเชื้อได้ง่าย
2. การหย่อนยานของด้านบนของท้อง หลังการผ่าตัดผิวหนังที่อยู่เหนือสะดือจะถูกดึงมาไว้ที่หัวเหน่า ถ้าผิวหนังบริเวณเหนือสะดือมีลายแตก ส่วนที่แตกลายก็จะถูกย้ายมาไว้ที่เหนือหัวเหน่า ในกรณีที่ผ่าตัดแบบที่ 2 ถ้าผิวหนังส่วนบนหย่อนยานมากและมีกล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนมาก อาจต้องตัดผิวหนังที่อยู่เหนือสะดือออกมากกว่าปกติด้วย
3. ความหย่อนยานของกล้ามเนื้อหน้าท้อง ในบางคนผิวหนังไม่ได้หย่อนยานมากแต่การที่ผนังท้องโต เกิดจากการหย่อนมากของกล้ามเนื้อ การผ่าตัดไขมันหน้าท้องจะมีการเย็บกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องด้วย ช่วยให้ลดการหย่อนของผนังกล้ามเนื้อจะต้องระมัดระวังในคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการหายใจ
4. การดูดไขมัน โดยทั่วไปในคนที่มีไขมันหนามากมักมีรอยนูนด้านข้างลำตัวหลังการตัดไขมันซึ่งเกิดจากไขมันด้านข้างที่ยังหนาอาจต้องทำการดูดไขมันร่วมด้วยเพื่อช่วยให้รูปร่างดูดีขึ้น สำหรับไขมันบริเวณด้านบนของหน้าท้อง ถ้าจะดูดไขมันเพื่อลดความหนาของผิวหนังอาจต้องระมัดระวังในบางคนเพราะเป็นทางที่เส้นเลือดมาเลี้ยงผิวหนังด้านล่าง
5. แผลผ่าตัดเดิม แผลหน้าท้องทั้งหมดต้องพิจารณาประกอบกับการผ่าตัดถึงแนวทางที่ต้องวางแผลผ่าตัดใหม่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงการผ่าตัดที่จะต้องตัดเอาแผลเดิมออกทั้งหมด
การดูแลหลังผ่าตัด
1. หลังผ่าตัด พักที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 1-2 วัน ให้นอนในท่างอตัวและปัสสาวะโดยผ่านสายสวนบนเตียง
2. วันที่ 2 ให้เดินงอตัวได้รอบๆ เตียงอาจต้องเดินงอตัวประมาณ 1 – 2 อาทิตย์จึงจะยืดตัวตรงได้
3. หลังจากแพทย์จะดึงสายระบายน้ำเหลืองออกสามารถอาบน้ำได้แล้วซับแผลให้แห้ง
4. ช่วง 3 วันแรกจะบวมสุดๆแต่จะยุบภายใน 2 – 4 อาทิตย์และยุบเต็มที่ภายใน 3 เดือน เข้าที่ภายใน 6 เดือน
5. แผลผ่าตัดจะเห็นชัดในช่วงแรกและจะดีขึ้นตามลำดับภายใน 6 เดือน ถึง 1 ปี
6. ระวังอย่าให้แผลเปียกน้ำหลังจากกลับบ้านถ้ายังมีผ้าก๊อสปิดแผลอยู่อย่าดึงผ้าก๊อสออกเอง
7. แพทย์จะนัดตัดไหมเมื่อครบกำหนด 7 วันและให้ปิดแผ่นปิดแผลเป็นเวลาประมาณ 4 อาทิตย์
8. ถ้าหายปวดควรเริ่มเดินช้าๆ เพื่อลดอาการบวม
9. ควรรัดผ้ายืดรัดหน้าท้องไว้อย่างน้อย 6 อาทิตย์ เพื่อช่วงพยุงหน้าท้องเอาไว้
10. รับประทานยาตามแพทย์สั่งไม่ควรทานยาแก้ปวดกลุ่มแอสไพริน
11. อาจรู้สึกชาบริเวณหน้าท้องประมาณ 6 เดือนหรือนานกว่านั้น เป็นอาการปกติ เนื่องจากความรู้สึกจะดีขึ้นตามลำดับ
12. ระหว่างที่พักพื้น หากคุณต้องไอ จาม หัวเราะหรือถ่ายท้อง ก็ให้กดหมอนกับหน้าท้องไว้แน่น ๆ เพื่อลดการเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณนั้น
13. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ท้องผูกควรรับประทานผัก,ผลไม้และดื่มน้ำมากๆ เพื่อไม่ให้ท้องผูก
14. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 อาทิตย์หลังผ่าตัดเพราะจะทำให้เกิดน้ำเหลืองค้างในแผลผ่าตัดได้
15. งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 อาทิตย์หลังผ่าตัดเพราะบุหรี่ทำให้แผลหายช้า
16. นอนในท่าที่ศรีษะสูงและหัวเข่าสูงโดยวางหมอน 2 ใบที่ศรีษะและวางอีก1 ใบไว้ใต้หัวเข่า
17. แผลเป็นอาจนูนได้ อาจช่วยนวดบริเวณแผลผ่าตัด เช้า – เย็นครั้งละประมาณ 10 นาที
18. ควรใส่ชุดชั้นในรัดรูปประมาณ 1 เดือนเพื่อให้ได้รูปร่างที่ดีและลดบวม
19. หลีกเลี่ยงการทำงานหนักหรือออกกำลังรุนแรง 6 อาทิตย์
20. งดยกของหนักเกิน 2 – 5 กิโลเป็นเวลา 6 อาทิตย์
21. งดการออกกำลังกายที่เกรงกล้ามเนื้อหน้าท้อง เช่น การซิดอับ, ควรงดออกกำลังกายหนักๆ ประมาณ 6 อาทิตย์
22. งดการแช่ตัวในอ่างอาบน้ำถ้ายังไม่ได้ตัดไหม
23. หลังการผ่าตัดจะนัดดูแผลที่หน้าท้องทุก 1 เดือนถ้ามีปัญหาเรื่องแผลเป็นนูน อาจต้องฉีดยารักษาแผลเป็นช่วยได้บางครั้ง
24. ถ้าหากคุณคิดจะมีลูกอีกสักคน ไม่ควรเข้ารับการผ่าตัดไขมันหน้าท้อง เพราะหน้าท้องคุณจะหย่อนและลายอีกครั้ง หลังจากคลอดลูก