เสริมคาง


การศัลยกรรมเสริมคาง (Mentoplasty)
การเสริมคาง เป็นอีกหนึ่งการศัลยกรรมเพื่อการปรับแต่งรูปใบหน้า เพราะขนาดของคางเป็นปัจจัยหนึ่งที่กำหนดมิติของใบหน้าส่วนล่าง ผู้ที่มีคางสั้น คางเล็ก คางไม่มีความนูน หรือคางร่นมาด้านหลัง ทำให้ใบหน้าดูกลม หน้าสั้น ส่วนกลางของใบหน้าดูกว้าง คอดูมีเนื้อเยอะ ซึ่งเป็นรูปลักษณ์ที่ไม่สวยงาม ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขโดยการเสริมคาง ทำให้สามารถมองเห็นรูปคางได้ชัดเจน ใบหน้าส่วนล่างก็จะดูมีมิติ สมดุลดี
การแก้ไขคางสั้น มีวิธีรักษา 3 วิธี
- การฉีดสารเติมแต่ง ซึ่งมีให้เลือก 2 ชนิด คือ ฉีดด้วยไขมันตนเอง หรือฉีดด้วยสารสังเคราะห์ (Hyaluronic acid fillers)
- การศัลยกรรมเลื่อนคาง (sliding genioplasty หรือ chin advancement) เป็นการศัลยกรรมเกี่ยวกับคางอีกอย่างหนึ่ง มักทำในกรณีคนที่มีคางสั้นมาก ๆ และร่นไปอยู่ด้านหลัง (ขาดในแนวหน้าหลัง)
- การเสริมเสริมคางด้วยซิลิโคน (Chin Augmentation) เหมาะกับคนที่มีปัญหา ลักษณะคางเล็ก คางสั้น (ขาดในแนวบนล่าง) จะทำให้ใบหน้าดูสั้น และ สัดส่วนของใบหน้า ส่วนล่างสั้นกว่า
การเสริมคางด้วยซิลิโคน (Chin Augmentation)
เป็นการผ่าตัดเสริมคางโดยใช้ ซิลิโคนแท่งทางการแพทย์ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถเอาออกได้ทั้งหมดเมื่อต้องการเอาออกหรือเปลี่ยนอันใหม่ การเสริมคางซิลิโคนด้วยเหมาะกับคนที่มีปัญหา ลักษณะคางเล็ก คางสั้น (ขาดในแนวบนล่าง) จะทำให้ใบหน้าดูสั้น และ สัดส่วนของใบหน้า ส่วนล่างสั้นกว่า
วิธีการผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน
สำหรับการศัลยกรรมเสริมคางด้วยซิลิโคนสามารถทำได้ทั้งภายในหรือภายนอกช่องปาก เริ่มจากทำความสะอาดบนใบหน้า ก่อนจะทำการเสริมคาง แพทย์จะวัดตำแหน่ง ทำเครื่องหมายตำแหน่งขอบเขตคางที่จะแก้ไข เพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ชัดเจนแน่นอน นำซิลิโคนแท่ง ที่ใช้ในการเสริมคางมาเหลาให้ได้รูปทรงที่รับพอดีกับคาง หลังจากนั้นจะฉีดยาชาบริเวณคางทั้งหมดจะรู้สึกชา แพทย์จะทำความสะอาดอีกครั้งเพื่อเตรียมเปิดผิวสำหรับใช้เป็นทางเข้าของซิลิโคน ยาวประมาณ 1.5-3 เซนติเมตร หลังจากทำให้เกิดช่องว่างใต้กล้ามเนื้อและอยู่ชิดบนกระดูกคาง ตามแนวขอบเขตที่วางแผนไว้ ก็นำซิลิโคนที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว เสริมเข้าทางแผลในเนื้อที่ว่างดังกล่าว ซิลิโคนจะวางอยู่บนกระดูกคางเดิมตรงตำแหน่งที่ต้องการ จากนั้นปรับแต่งรูปทรงซิลิโคนและตรวจสอบจนคางได้รูปทรงที่สวยงาม จึงเย็บแผลปิด
อาการหลังผ่าตัด
คนไข้ส่วนใหญ่จะรู้สึกตึงที่บริเวณแผลผ่าตัด ซึ่งอาการนี้จะค่อยๆหายไปเองหลังผ่าตัด 1 สัปดาห์ แพทย์จะพันผ้าพันแผลไว้ให้โดยประมาณ 2 ถึง 3 วัน ระหว่างนี้คนไข้ควรรับประทานอาหารอ่อนหรือเป็นน้ำเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนของบาดแผล และทานยาแก้ปวดและลดบวมได้
ความเสี่ยงในการศัลยกรรมเสริมคาง
- ริมฝีปากรู้สึกชา เนื่องจากมีแผลผ่าตัดอยู่ด้านในริมฝีปากล่าง ซึ่งอาการจะค่อย ๆ บรรเทาลงเองเมื่อเวลาผ่านไป
- คางและบริเวณรอบ ๆ มีอาการบวม เจ็บ
- การรับความรู้สึกที่บริเวณคางเปลี่ยนไป อาจเป็นได้ทั้งเพียงชั่วคราว หรือเกิดขึ้นถาวร
- ซิลิโคนเลื่อนออกจากตำแหน่ง อันเกิดจากการกระทบกระเทือนที่บริเวณใบหน้า
- เกิดการติดเชื้อที่แผลผ่าตัด
การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด
- หลังผ่าตัดคนไข้สามารถกลับไปนอนพักรักษาตัวที่บ้านได้ และกลับมาพบแพทย์เพื่อติดตามผลภายใน 7 วันหลังผ่าตัด
- ในกรณีที่แผลผ่าตัดอยู่ภายในช่องปาก หลังการผ่าตัดผู้ป่วยควรกินอาหารเหลวหรืออาหารอ่อนที่ไม่ต้องเคี้ยวมาก เพื่อลดการกระทบกระเทือนของบาดแผล และบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากหรือน้ำเกลือทุกครั้งหลังกินอาหาร เพื่อไม่ให้เศษอาหารไปติดที่ปากแผล หรือเกิดการติดเชื้ออักเสบในกรณีช่องปากไม่สะอาด
- อาการปวดบวมที่บริเวณแผลสามารถเกิดขึ้นได้ใน 3-4 วันหลังการผ่าตัด แต่หากปวดมากผิดปกติควรกลับไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์อาจจ่ายยาแก้ปวดลดอักเสบ รวมถึงจ่ายยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันอาการติดเชื้อด้วย แต่หากเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับการผ่าตัด แพทย์อาจพิจารณานำซิลิโคนออกได้
- นอนในท่ายกศีรษะสูง ให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ไม่คั่งอยู่ที่บาดแผล
- งดการออกกำลังกายหรือกิจกรรมหนักเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนที่บริเวณใบหน้า
- สามารถกลับไปทำกิจกรรมเบา ๆ ตามปกติได้ภายใน 5-7 วัน
ผลงานเสริมคาง
กระบวนการการเสริมคาง
