ยกกระชับหน้าอก
หน้าอกคล้อย
เป็นภาวะที่เป็นธรรมชาติเกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น โดยมีเหตุส่งเสริมที่ทำให้เต้านมหย่อนคล้อย ได้แก่ น้ำหนักลด, ตั้งครรภ์, ให้นมบุตร วัยหมดประจำเดือน และแรงโน้มถ่วงของโลก โดยหน้าอกจะมีรูปร่างยาวขึ้นและแบนลง ทำให้เต้านมมีรูปร่างไม่สวยงาม ซึ่งสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้โดยการผ่าตัดโดยการย้ายหัวนมให้อยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น และยกเต้านมที่หย่อนให้สูงขึ้น
ภาวะเต้านมหย่อนคล้อยแบ่งได้เป็น 3 ระดับ
ภาวะหน้าอกหย่อนคล้อย (Breast Ptosis) สามารถแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ตามตำแหน่งของหัวนมเมื่อเทียบกับรอยพับใต้เต้านม (Inframammary Fold – IMF) ดังนี้
- ระดับ 1 (เล็กน้อย – Mild Ptosis)
หัวนมอยู่ในระดับเดียวกับรอยพับใต้เต้านม หรืออยู่ต่ำกว่านิดหน่อย - ระดับ 2 (ปานกลาง – Moderate Ptosis)
หัวนมอยู่ต่ำกว่ารอยพับใต้เต้านม แต่ยังชี้ไปด้านหน้า - ระดับ 3 (มาก – Severe Ptosis)
หัวนมอยู่ต่ำกว่ารอยพับใต้เต้านมอย่างชัดเจน และเริ่มชี้ลงด้านล่าง - ระดับ 4 (รุนแรง – Extreme Ptosis หรือ Pseudoptosis)
หัวนมชี้ลงด้านล่าง และเนื้อเต้านมส่วนใหญ่อยู่ใต้รอยพับเต้านม
วิธีการผ่าตัดเพื่อแก้ไข
การผ่าตัดแก้ไขเต้านมหย่อนขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของความหย่อนคล้อย โดยปกติใช้เวลาในการผ่าตัด 2-3 ชั่วโมง โดยคนไข้ต้องนอนโรงพยาบาลประมาณ 1 วัน สามารถไปทำงานได้หลังผ่าตัดประมาณ 1 สัปดาห์ ข้อสำคัญหลังผ่าตัดต้องใส่เสื้อยกทรงทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อให้เต้านมได้รูปทรงที่ดี
1. กรณีเต้านมคล้อยเล็กน้อย อาจทำโดยการเสริมหน้าอกเพียงอย่างเดียว เพื่อยกส่วนที่หย่อยคล้อยขึ้น
2. กรณีเต้านมคล้อยมาก อาจต้องทำการผ่าตัดยกกระชับเต้านมเพียงอย่างเดียว โดยการเลื่อนระดับหัวนมขึ้น พร้อมทั้งตัดแต่งผิวหนังทีเกินให้มีขนากพอดี และปรับตำแหน่งของขอบราวนมและขอบด้านข้างของเต้านมด้วย
3. กรณีเต้านมหย่อนและขนาดของเต้านมเล็ก ต้องการที่จะเสริมเต้านมให้ใหญ่ขึ้นสามารถทำได้โดยใช้ถุงซิลิโคนเสริมขนาดให้ใหญ่ขึ้น พร้อมกับการผ่าตัดแก้ไขเต้านมหย่อนในการผ่าตัดเดียวกัน เทคนิคการเสริมหน้าอกในคนที่ต้องการยกกระชับด้วยมักทำโดยการเสริมใต้กล้ามเนื้อ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่มีหน้าอกคล้อยมักมีเนื้อเต้านมน้อยและผิวหนังบางการเสริมใช้ระดับใต้กล้ามเนื้อจะช่วยป้องกันการคลำได้ขอบถุงหรือรอยพับของถุง นอกจากจับแล้วยังช่วยลดปัญหาของการอ่านผลของแมมโมแกรมด้วย
การผ่าตัดมีหลายรูปแบบขึ้นกับระดับการคล้อยของหน้าอก ดังนี้
วิธีที่ 1 วิธีรูปเสี้ยวพระจันทร์ (Crescent Mastopexy)
กรณีเต้านมคล้อยเล็กน้อย ทำโดยการตัดขอบของปานนมเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์แล้ว ยกตำแหน่งของหัวนมและปานนมขึ้นเล็กน้อย วิธีนี้สามารถขยับปานนมขึ้นได้ 2-3 ช.ม. และระดับหัวนมขยับขึ้น ได้ 1-2 ซ.ม.
วิธีที่ 2 วิธีโดนัท (Benelli Mastopaxy)
กรณีเต้านมคล้อยน้อยถึงปานกลาง การตัดผิวหนังรอบปานนมเป็นรูปโดนัท แล้วเย็บเข้าหาหัวนม หลังการเย็บรอบๆ ปานนมจะมีผิวหนังเป็นจีบ ประมาณ 2-3 เดือน
วิธีที่ 3 วิธีที่มีแผลแนวตั้ง
กรณีเต้านมคล้อยมาก คือ ระดับของหัวนมต่ำกว่าระดับของราวนมการผ่าตัดยกกระชับจำเป็นต้องเลื่อนหัวนมขึ้นไปสูงมากและต้องตัดผิวหนังอกมาก ข้อดีของการยกกระชับของเทคนิคนี้ คือ ผิวหนังของหน้าอกด้านนอกและด้านในจะถูกขยับเข้ามาตรงกลางทำให้หน้าอกมีรูปร่างเหมือนรูปกรวย ทำให้ส่วนบนของเต้านมและหัวนมไม่มีลักษณะที่แบนและดูสวยงาม
วิธีที่ 4 การยกกระชับแบบรูปตัว ทีหัวกลับ
กรณีเต้านมที่คล้อยมากชัดเจน คือ หัวนมอยู่ต่ำกว่าระดับใต้ราวนม ดังนั้นจึงต้องเลื่อนหัวนมซึ่งเป็นระยะทางไกล การใช้แผลแนวตั้งอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอจึงจำเป็นต้องมีแผลในแนวนอนด้วยเพื่อให้รูปร่างของหน้าอกสวยงาม การผ่าตัดลดขนาดเต้านมโดยจะมีการตัดเนื้อเต้านมส่วนเกินออก ส่วนการยกกระชับเต้านมร่วมกับการเสริม แพทย์จะทำการตกแต่งผิวหนังเท่านั้นโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับ เนื้อเต้านมการผ่าตัดโดยสามารถขยับหัวนมและตกแต่งผิวหนังได้มากช่วยให้รูปร่างของเต้านมเปลี่ยนแปลงไปมาก
การยกกระชับเต้านมร่วมกับการเสริม
เป็นการผ่าตัดที่ยุ่งยากมากกว่าการผ่าตัดเสริมหน้าอกหรือยกกระชับอย่างเดียว ดังนั้นก่อนการผ่าตัดจะต้องปรึกษาแพทย์ถึงรายละเอียดและขนาดที่ต้องการอย่างชัดเจน ถุงที่ใส่ไม่ควรเลือกขนาดที่ใหญ่เกินไปเพราะจะทำให้แผลบริเวณเต้านมตึงมากเกินไปอาจทำให้แผลแยกได้ ขนาดที่ใส่ควรพอดีกับรูปร่างและอาจต้องขึ้นกับผิวหนังที่ต้องการตัดออกจากการผ่าตัดยกกระชับหน้าอกรวมถึงวิธีที่ใช้ในการผ่าตัดด้วย การผ่าตัด 2 ชนิดร่วมกันจะใช้เวลานานขึ้นและใช้เวลาในการดูแลหลังผ่าตัดนานขึ้นรวมทั้งเวลาที่เต้านมจะเข้าที่ก็ใช้เวลานานกว่าการเสริมเต้านมปกติ โดยทั่วไปการเสริมหน้าอกร่วมกับการยกกระชับหน้าอกจะไม่ทำให้ความรู้สึกของหัวนมเปลี่ยนไปและแผลเป็นบริเวณหน้าอกในระยะแรกจะมองเห็นได้ชัดเจนหลังจากผ่านไป 3-4 เดือนก็จะจางลงและดูดีขึ้น
ขั้นตอนในการผ่าตัด
